หนังประทับใจ สร้างด้วยงบประมาณการสร้าง ที่สูงถึง 150 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยผู้กำกับหนัง ชื่อชั้นระดับปรมาจารย์ อย่าง มาร์ติน สกอร์เซซี
หนังประทับใจ ของผู้ที่เคยฝาก ผลงานดัง ๆ ไว้มากมาย เช่น Hugo , Goodfellas , Taxiv Driver , the wolf of wall รางวัลออสการ์ สี่รางวัลอย่าง The Departed street และภายพนตร์ ระดับด้วยประสบการณ์กำกับภาพยนตร์ กว่า 20 เรื่อง จากประสบการณ์ การทำงานด้านภาพยนตร์ กว่าห้าสิบปี ที่รังสรรค์ผลงานคุณภาพ ออกมาให้ผู้ชม ได้รับชม สามารถการันตี ได้ถึงผลงาน อย่างแน่นอน
โดยที่ผลงาน เรื่องล่าสุดอย่าง The Irishman หรือชื่อภาษาไทยอย่าง คนใหญ่ไอริช ซึ่งเป็นภาพยนตร์ ที่จัดฉายทาง ช่องสตรีมมิ่งชื่อดัง อย่าง เน็ตฟลิกซ์ ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่ง ที่สามารถทำให้ สกอร์เซซี ได้ทำหนัง ที่สามารถดึงศักยภาพ และสร้างออกมาได้ อย่างสมบูรณ์ และมีเนื้อหาครบถ้วน ได้อย่างสูงที่สุด
หลังจากที่ไม่ต้องกังวล ข้อจำกัดด้านเวลา ในการนำเสนอ ซึ่งก็ช่วยสามารถทำให้ ภาพยนตร์เรื่อง The Irishman นั้น เป็นภาพยนตร์ ที่เหมาะสำหรับ ผู้ชมที่ต้องการจะรับชม หนังที่มีเนื้อหาที่เข้มข้น และมีรายละเอียดที่เยอะ จนสามารถพูดได้ว่า รับชมกันได้เต็มอิ่ม จุใจ อย่างแน่นอน
ตัวบทของภาพยนตร์ ได้รับการดัดแปลง มาจากหนังสือเรื่อง I Heard You Paint Houses ซึ่งจะเล่าเรื่องจริง ผ่านสามตัวละครสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกัน กับแก็งอาชญากรรม ในช่วงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และปริศนาเกี่ยวกับ การหายตัวไปของ จิมมี่ ฮอฟฟา อดีตผู้นำสหภาพแรงงาน ของสหรัฐอเมริกา
โดยผู้เขียนที่มีชื่อว่า ชาร์ลส์ แบรนด์ท์ ซึ่งก็ได้นักแสดง ระดับตำนานหลายคน ทั้ง โรเบิร์ต เดอ นีโร , อัล ปาชิโน และ โจ เพสซี มาร่วมแสดงร่วมกัน โดยที่ภายในหนังนั้น จะใช้การเล่าเรื่อง เริ่มตั้งแต่จุดเริ่มต้นของ แฟรงค์ ชีรัน เลย
ว่าเขาสามารถเข้ามาเป็นสมาชิกแก็ง ได้อย่างไร จนถึงวันที่เขา ได้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในชีวิต และถึงบทสรุป ของชีวิตเขา โดยใช้การนำเอาประวัติศาสตร์ ที่เกิดขึ้นจริง ของอเมริกา มาสอดแทรก
เพื่อให้ในการดำเนินเรื่อง สามารถพัฒนา คู่ขนานไปกับการแก้ปมปัญหาของตัวละคร ได้เป็นอย่างดี ทั้งการลอบสังหารประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี หรือการถูกจับของ จิมมี่ ฮอฟฟา ซึ่งเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เล่ามา ล้วนแล้วแต่สามารถสะท้อน ให้เห็นถึง เรื่องของอำนาจ ที่ควบคู่การเมือง ได้เป็นอย่างดี
เรื่องราวหลัก ๆ จะเล่าถึงเหตุการณ์ ที่เกี่ยวข้องกับ แก็งอาชญากรรม ในช่วงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 บริบททางสังคม ในช่วงยุคสมัยนั้น โดยใช้วิธีการเล่าสลับเหตุการณ์ ระหว่างปัจจุบันกับอดีต ผ่านมุมมองของ แฟรงค์ ชีรัน (รับบทโดย โรเบิร์ต เดอ นีโร) พนักงานขับรถบรรทุก ส่งเนื้อธรรมดา
ที่ได้บังเอิญรู้จักกับ รัสเซล บัฟฟาลิโน (รับบทโดย โจ เพสซี) สมาชิกแก็งมาเฟีย ระดับสูง ภายในประเทศ จนได้เข้ามาทำงานสายมืด ให้กับแก็งมาเฟีย และสามารถสร้างความไว้วางใจ จากสมาชิกภายในแก็งได้ไม่ยาก
ซึ่งความสัมพันธ์ ระหว่างตัวเขากับ รัสเซล บัฟฟาลิโน ก็ได้ทำให้เขาได้รู้จักกับ จิมมี่ ฮอฟฟา (รับบทโดย อัล ปาชิโน) อดีตผู้นำสหภาพแรงงาน ของสหรัฐอเมริกา ผู้ที่สามารถพูดได้ว่า เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมากพอ ๆ กับ เอลวิส เพรสลีย์ ในยุคนั้นเลยทีเดียว
และจากผลงานการทำงานของตัว แฟรงค์ ชีรัน นั้น ก็สามารถทำให้เขาได้ กลายไปเป็นมือขวา ที่รับหน้าที่คอยคุ้มกัน และเป็นผู้ให้คำปรึกษาต่าง ๆ แก่ จิมมี่ จนทำให้กราฟชีวิตของ แฟรงค์ ก้าวสู่จุดสูงสุด ในชีวิตการงาน โดยการได้รับบทบาท ให้เป็นถึงประธานเขต ของสหภาพแรงงาน เรื่องราวดำเนินไปเรื่อย ๆ
เพื่อสร้างประสบการณ์ร่วม ถ่ายทอดประสบการณ์ ด้านอารมณ์ บริบทสังคม ของยุคนั้น และเพื่อทำความรู้จัก ลักษณะนิสัย ของตัวละครให้ได้มากที่สุด ซึ่งจากธุรกิจสีเทาที่ จิมมี่ ทำ ยิ่งเขาอยู่สูงมากแค่ไหน เขาก็ยิ่งต้องมีศัตรูมากขึ้นเท่านั้น จนสุดท้ายแล้ว เขาก็ถูกคนที่เขาไว้ใจหักหลัง และต้องติดคุกเข้าตะราง
จนทำให้จิมมี่นั้น แทบจะสูญเสียอำนาจ ที่เคยมีไปทั้งหมด แต่คนเคยมีอำนาจล้นฟ้า เมื่อเสียไปแล้ว มีหรือจะไม่ต้องการที่จะได้คืน เขาจึงได้พยายามที่จะทำทุกอย่าง
เพื่อทวงอำนาจกลับมา ไม่ว่าจะถูกห้าม ถูกเตือนอย่างไร ก็ไม่มีอะไรที่สามารถห้าม จิมมี่ ได้ซึ่งเป็นเพราะนิสัยของ จิมมี่ นั่นเองจึงทำให้ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้
หนังประทับใจ หนังเรื่องนี้อาจจะไม่ได้เหมาะ กับผู้ชมทุกคน สำหรับคนที่ชอบ ถ้าชอบก็คงจะชอบไปเลย ไม่ถ้าไม่ชอบ ก็อาจจะเบื่อไปเลยเช่นกัน
ซึ่งก็เป็นเพราะ รายละเอียดของหนัง ที่ถือว่าเยอะมาก สำหรับหนังหนึ่งเรื่อง และวิธีการเล่าเรื่องส่วนใหญ่ จะเป็นบทพูด พัฒนาเรื่องไปอย่างช้า ๆ ตามแบบหนังสมัยเก่า
สำหรับคนที่ชอบแนวนี้ ก็คงจะถูกใจไม่น้อย แต่หากใครไม่ชอบหนังแนวนี้ละก็ คงจะคิดว่านานเกินไป เพราะด้วยระยะเวลา สามารถเทียบได้ กับภาพยนตร์สมัยใหม่ ถึงสามเรื่องเลยทีเดียว หนังเด็ก
ซึ่งเมื่อทำการวิเคราะห์ ถึงเนื้อหาเกี่ยวกับตัวของ แฟรงค์ แล้ว สามารถให้ข้อคิดกับใครหลาย ๆ คน ได้เป็นอย่างดี ทั้งเรื่องแนวคิด ที่เกี่ยวกับการไถ่บาป และความสำนึก เรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวของ แฟงค์ ซึ่งถึงแม้ว่าเขา จะทำได้ดี ในการรักษาความสัมพันธ์ กับแก็งอาชญากรรมมากแค่ไหน
แต่เขากลับล้มเหลว กับสถาบันครอบครัวของเขา ที่เขาไม่ได้ทำความรู้จักกับครอบครัว อย่างสิ้นเชิง จากความเหินห่างกับลูกสาว เพราะสิ่งที่เขาทำ ซึ่งสุดท้ายแล้ว ในบั้นปลายชีวิตของเขา เขาก็ต้องอยู่อย่างเดียวดาย แล้วได้แต่จมอยู่ในบาป ที่ติดอยู่ในใจของเขา ข่าวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก